ชาบู

เชื่อกันมาตลอดว่า ชาบูชาบู ถือกำเนิดที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยคุณสุเอฮิโร่ เมื่อปีค.ศ.1952 โดยดัดแปลงมาจากหม้อไฟของปักกิ่ง ประเทศ จีน (涮羊肉) ซึ่งใช้เนื้อแกะ นำมาดัดแปลงโดยใช้เนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าวัว, หมู, ไก่, ปลา ฯลฯ นำมาแล่บางๆ แล้วนำลงไปแกว่งในน้ำซุปร้อนๆ ให้พอสุกได้ที่ แล้วจิ้มน้ำจิ้มกิน น้ำจิ้มชาบูชาบูมี 2 ชนิดคือ น้ำจิ้มปอนซึ จะออกรสเค็มอมเปรี้ยว และน้ำจิ้มงามีกลิ่นหอม

คำว่า Shabu-Shabu หมายถึงเสียงตอนที่เอาตะเกียบคืบเนื้อแล่บางๆ แล้วจุ่มน้ำส่ายมือไปมา ทำให้เกิดเสียงชาบุชาบุขึ้น เนื้อบางๆ ลวกแค่ไม่กี่วินาทีก็สุก นอกจากเนื้อแล้ว ก็จะมีผักสดๆ ที่นิยมใส่คือ เห็ดหอมสด เห็ดเข็มทอง ผักกาดขาวและเต้าหู้ ส่วนน้ำซุปก็จะเป็น ซุปคมบุ คือสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่ง

น้ำซุปที่ใช้เรียกว่า”ดาชิ” โดยหลักการคือน้ำซุปสาหร่ายทะเลคอมบุ คอมบุจะถูกใส่ลงไปในนาเบะที่เติมน้ำแล้ว อุ่นโดยใช้ความร้อนต่ำ เพื่อดึงเอาความชุ่มฉ่ำของคอมบุออกมา คอมบุจะถูกนำออกมาทันทีก่อนที่น้ำเริ่มเดือด ในปัจจุบันชาบู ชาบูที่ใช้นมถั่วเหลืองและน้ำซุปสุกี้ยากี้กลายเป็นที่นิยมเช่นกัน น้ำส้มสายชูพอนซึและซอสงาเป็นซอสที่ใช้บ่อยที่สุด แต่ซอสที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเช่นซอสที่ทำด้วยน้ำมันงา น้ำปลา และแอนโชวี่ยังคงเป็นที่นิยม ชาบูชาบูที่ใช้เนื้อวัวเรียกว่า “กิวชาบู” และชาบูชาบูที่ใช้เนื้อหมูจะเรียกว่า “บูตะชาบู” เนื้อสัตว์ที่ใช้จะเป็นเนื้อสดที่สามารถทานดิบได้

ชาบู ชาบูที่ใช้ส่วนผสมอื่นๆ นอกจากเนื้อสัตว์จะประกอบด้วยอาหารทะเล เช่น ปลาทองอ่อน ปลาปักเป้า ปลาหมึก ปลาตะเพียนทะเล และปูหิมะ คุณสามารถอร่อยกับชาบู ชาบูได้ตลอดทั้งปีและในหลากหลายทาง จากร้านอาหารหรูที่ใช้เนื้อที่มียี่ห้อดังไปจนถึงร้านอาหารที่ให้บริการชาบู ชาบูแบบทานได้ทุกอย่างในราคาที่ไม่แพง

      “ชาบูชาบู” ได้รับความนิยมไม่เพียงแต่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังได้รับความนิยมในย่านที่มีชาวญี่ปุ่นได้ไปอาศัยอยู่ในประเทศนั้นๆ (ที่เรามักเรียกว่า “Little Tokyos” หรือ “Japantowns”) เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย และทุกวันนี้ในประเทศไทยของเราก็มีหลากหลายร้านชาบูให้ลิ้มลอง แต่ได้มีการดัดแปลงน้ำจิ้มและมีการเพิ่มลูกชิ้นต่างๆ ลงไปในหม้อ แล้วเราก็มาเรียกกันว่าเป็นสุกี้ไทย (หรือจิ้มจุ่มนั่นเอง)

ในปี1955 Suehiro ได้จดทะเบียนชื่อของชาบูชาบูที่เป็นเครื่องหมายการค้า หลังจากนั้นทั้งชื่อ”ชาบูชาบู”และความนิยมในการกินชาบูชาบูก็ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วภูมิภาคเอเชีย