Lumix S1R with Lumix S Pro S-E2470GC
The Golden Era has begun
ช่วงเลนส์ ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกกล้องทุกสถานการณ์ แน่นอนว่าสำหรับผมคือ ช่วง Normal หรือที่เราทุกคนคุ้นเคยกับเลนส์ Kit ซึ่งเป็นช่วงเลนส์ระยะนี้เหมือนกัน แต่เมื่อเราใช้งานมาถึงจุดนึง เลนส์ Kit ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ เราจึงจำเป็นต้องมองหาสิ่งที่ดีกว่า ทั้งในแง่ของความรวดเร็ว แข็งแรง ตอบสนองการใช้งาน และคุณภาพความคม โดดเด้ง สีสันที่สมจริง
24-70 mm / F2.8 S PRO คือ เลนส์ที่ดีสุดของเลนส์ Normal เพราะว่าเลนส์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ดีในทุกด้าน ทุกมุมที่เราต้องการ และเลนส์ตัวนี้มี Certificate ของ Leica ด้วย ซึ่งครั้งนี้ ผมได้นำไปประกบคู่กับ S1R กล้องที่เป็นราชาแห่งภาพนิ่งของ Lumix ด้วยแล้ว จึงไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
Design
ถ้าใครเคยใช้งาน Lumix มา จะพอจินตนาการถึงผิวสัมผัส ความแน่นหนา ความพรีเมียมในไสตล์ของ Lumix ได้อย่างแน่นอน เลนส์ตัวนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่สักหน่อย เพราะว่าเป็นเลนส์ที่มี F2.8 ตลอดช่วง และมีชิ้นส่วนของเลนส์ APSH 3 ชิ้น ED ถึง 4 ชิ้น และ UHR 1 ชิ้น ซึ่งช่วยทำให้ภาพคมชัดทั่วทั้ง Image sensor ,ความผิดเพี้ยน/ความบิดเบี้ยวต่ำ และให้สีสันที่สวยงามในทุกช่วงซูม น้ำหนักของเลนส์ตัวนี้อยู่ที่ 935g น้ำหนักจะค่อนข้างมากสักหน่อย แต่พอเราได้เห็นภาพจากเลนส์ตัวนี้แล้ว ก็จะลืมเรื่องน้ำหนักไปได้เลย
Lumix S1R with Lumix S Pro S-E2470GC
Quality
เมื่อภาพที่ดี เกิดจากแสงที่ดีในที่ที่มีบรรยากาศที่สะท้อนแสงได้ดีกับมุมมองที่ดี ทุกสิ่งที่ว่านี้ จะออกมาดีไม่ได้ถ้าปราศจากอุปกรณ์ที่ดี ซึ่งกล้องที่ดีมากๆ ถ้าอยู่กับเลนส์ที่ธรรมดา คุณภาพก็จะได้แค่ธรรมดา แต่ถ้าเรามีกล้องที่ดีที่สุด กับเลนส์ที่ดีที่สุด ในสถานการ์ณที่ดีที่สุด เราจะได้ภาพที่ดีที่สุดเช่นกัน
อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า เลนส์ตัวนี้ประกอบ ด้วย APSH 3 ชิ้น ED 4 ชิ้น และ UHR 1 ชิ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ดีที่สุดในเลนส์ตัวนี้ ทำให้ภาพจากเลนส์ตัวนี้มีทั้ง สีสันที่สวยงาม ความคมของภาพที่ F2.8 และความบิดเบี้ยวที่ต่ำมาก การแยกมิติความโดดเด้งแบบ 3D Pop นับเป็นเลนส์ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งที่ผมเคยใช้มา
Focus System
ระบบโฟกัสของ 24-70 F2.8 S PRO นั้นใช้ระบบ Double focus system แบ่งออกเป็น Linear Motor และ Stepping Motor ช่วยกันทำงานซึ่ง Linear Motor นั้นช่วยให้การโฟกัสรวดเร็วฉับไว ส่วน Stepping Motor มีหน้าที่เรื่องความแม่นยำ เมื่อทั้งสอง Motor ทำงานร่วมกันจึงได้ผลลัพที่แม่นยำ รวดเร็ว แถมยังเงียบกริบนุ่มนวลเวลาถ่ายอีกด้วย
เมื่อนำออกมาใช้งานในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะโฟกัสวัตถุใกล้หรือไกล ที่ทุกระยะของเลนส์ทำงานได้ดีมาก แทบไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น แม้ในสภาพแสงที่น้อยมากในช่วงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ตาม และเมื่อใช้ในระบบ Tracking focus AF-C ของ Lumix S1R ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากเช่นกัน
F - Stop
2.8 คือเลข F-stop ของเลนส์ตัวนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเลนส์ซูมที่มี F-Stop สว่างมากใช้ Diaphragm 11 ชิ้น อย่างที่เรารู้กันว่าเลนส์ที่สามารถทำค่า F-stop ได้กว้างมากๆ เป็นที่โหยหาและต้องการของทุกคน เลนส์ตัวนี้ให้การละลายฉากหลังและโบเก้ที่สวยงามมาก นุ่มนวล จนบ้างครั้งแทบจะลืมเลนส์ฟิกไปเลย
และ F-stop ที่สว่างขนาดนี้ทำให้สามารถใช้งานในที่แสงน้อยๆ ได้โดยไม่มีปัญหาเลย
Chroma aberration & Vignette
ขอบม่วงและขอบดำ เป็น Pain point อย่างหนึ่งของเลนส์เอฟกว้างๆ
เป็นของคู่กัน ที่ถึงแม้จะมีบ้างก็เป็นสิ่งที่ถือว่ายอมรับได้
แต่กับเลนส์ตัวนี้ จากการที่ผมได้ทดลองใช้งานกว่า 5 ทริป ผมแทบจะลืมไปเลยว่าจะมีสองสิ่งนี้เกิดขึ้นเวลาถ่าย
เนื่องจากเป็นเลนส์ที่ออกแบบมาได้ดี และยังมีการปรับแก้ช่วยเหลือจาก software ในตัวกล้องเองอีกด้วย จึงแทบไม่มีขอบม่วงและขอบดำเลย
Dust / Splash / Freeze Resistance
เลนส์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้มีระบบกันละอองน้ำกันฝุ่นรวมถึงกันหิมะ จึงเหมาะกับการลุยในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะฝนปรอยๆ ลุยป่า ปีนผา หรือไปทะเล ก็ไปได้หมดไม่มีปัญหา แต่ผมแนะนำว่า เมื่อเจอละอองน้ำเค็มหลังจากใช้งานเราก็ควรเช็ดด้วยน้ำสะอาดอีกสักรอบเพื่อความใหม่กริ๊บอยู่เสมอ
น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่มีหิมะ นอกจากในช่องฟรีซ ผมจึงยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบตรงจุดนี้
“ถ้าคุณต้องการภาพที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ เลนส์ตัวนี้คือคำตอบของคุณ”
ศุภการ ศุภมงคล (Mixrinho)
ช่างภาพอิสระ เชี่ยวชาญในการถ่ายรูปอาหาร และสินค้า มีความหลงใหลส่วนตัวในการเดินทาง กาแฟ กางเกงยีนส์ และความวินเทจ จึงมีผลงานภาพถ่ายที่หลากหลายแนว นอกจากนั้นยังถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่บอกเล่าการเดินทางร่วมกับแฟนสาว ในเพจ Faloo Mi
เริ่มใช้กล้อง Lumix จากรุ่น GX8 จนปัจจุบัน Lumix S1R คือกล้องคู่กาย
ติดตามชมผลงานเพิ่มเติม IG : Mixrinho / FB : Faloo Mi /
www.Mixrinho.com