บทสัมภาษณ์กับผู้พัฒนากล้อง

การพัฒนาเลนส์ที่คงความดั้งเดิมแต่ล้ำสมัย

การแสดงภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูงคือหัวใจสำคัญของคุณค่าที่แท้จริงของกล้องฟูลเฟรม

— ช่วยเล่าเกี่ยวกับการพัฒนาเลนส์ฟูลเฟรมแบบถอดเปลี่ยนได้ของ LUMIX รุ่นแรกให้เราฟังสั้นๆ

Watanabe: บริษัทของเราเปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสเลนส์เดี่ยว (DSLM) รุ่นแรกของโลกในเดือนตุลาคม ปี 2008 ถึงแม้ว่าบริษัทเพิ่งจะเริ่มต้นผลิตกล้องได้ไม่นาน ก็ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำในการพัฒนาระบบกล้อง DSLM เราเปิดตัวเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้สำหรับกล้อง DSLM อีกหลายรุ่นและสั่งสมความรู้และความเชี่ยวชาญไปด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อมีความมั่นใจในประสบการณ์ของตนเองและมีเทคโนโลยีที่สร้างไว้มากมาย เราจึงตัดสินใจรับความท้าทายในการพัฒนาเลนส์ฟูลเฟรมครั้งนี้

 

—สิ่งสำคัญในการพัฒนาเลนส์ LUMIX S Series มีอะไรบ้าง

Shinji Watanabe  —วางแผนผลิตภัณฑ์

Shinji Watanabe
—วางแผนผลิตภัณฑ์

Watanabe: แนวคิดในการพัฒนาเลนส์ใน S Series อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายสี่ข้อคือ “ประสิทธิภาพสูงสุดด้านความละเอียด” “ถ่ายทอดความลึกได้น่าประทับใจและมีเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงาม” “ความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม” พร้อมด้วยระบบ AF ความเร็วและความแม่นยำสูง ฟังก์ชั่นการกันสั่นทรงประสิทธิภาพ และ “ความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่เหนือชั้น” ซึ่งสามารถรองรับวิดีโอคุณสมบัติสูงกว่า 4K ได้ โดยทั่วไปแล้ว คุณสมบัติข้อแรก “ประสิทธิภาพด้านความละเอียด” จะเป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ แน่นอนว่าในการพัฒนาเลนส์ S Series เราได้สร้างประสิทธิภาพในด้านความละเอียดที่สูงสุด ข้อที่สอง “ถ่ายทอดความลึกได้อย่างน่าประทับใจและมีโบเก้ที่สวยงาม” เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด “ความประณีตงดงาม” ในการสร้างภาพถ่ายของเลนส์ใน S Series
 

ในการตัดสินใจเรื่องแนวคิดในการพัฒนาเลนส์ S Series เราได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่า “ความประณีตงดงาม” ของประสิทธิภาพในการแสดงภาพถ่ายนั้นหมายความว่าอย่างไร ในที่สุด เราก็ได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างเป็นนามธรรมว่า เราต้องตอบให้ได้ก่อนว่า “บันทึกภาพได้อย่างที่คุณเห็นและรู้สึก” แท้จริงแล้วหมายความว่าอย่างไร ดังนั้น เราจึงตัดสินใจว่าจะตั้งใจทำข้อถัดไปให้สำเร็จ นั่นคือ “ถ่ายทอดความลึกได้อย่างน่าประทับใจและมีโบเก้ที่สวยงาม”

—ดูเหมือนว่าคุณสมบัติแบบฟูลเฟรมก็น่าจะเหมาะสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความลึกและเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามอยู่แล้ว

Watanabe: มันก็ไม่ง่ายนัก เพราะภาพถ่ายมีหน้าที่ต้องแสดงตัวแบบที่เป็นสามมิติบนพื้นผิวที่เป็นสองมิติ ผมคิดว่าภาพที่สมบูรณ์แบบคือภาพที่สามารถแสดงโลกแบบสามมิติลงบนภาพที่อยู่บนพื้นผิวแบบสองมิติได้ แม้แต่กับเลนส์ฟูลเฟรม ความตระหนักรู้ของผู้พัฒนากล้องในข้อนี้และเจตนาในการออกแบบการถ่ายทอดของภาพนั้นสามารถเปลี่ยนการออกแบบออพติคอลของเลนส์ได้ และยังเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของเลนส์ด้วย รวมถึง “ความประณีตงดงาม”
กับเอฟเฟ็กต์โบเก้ก็เช่นเดียวกัน เราให้ความสนใจในเรื่องการสร้างเอฟเฟ็กต์โบเก้ให้สวยงามเป็นพิเศษ เราได้พูดคุยกับช่างภาพมืออาชีพหลายท่านเกี่ยวกับรูปร่างของโบเก้ การลดเอฟเฟ็กต์เส้นวงแหวน (“Onion ring”) และโบเก้ที่สวยงามเป็นอย่างไร
 เรานำผลที่ได้จากการพูดคุยมาแบ่งปันและหารือกับทีมออกแบบเพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์โบเก้ที่มีเพียงเลนส์ LUMIX S Series เท่านั้นที่สามารถทำได้

 

—อะไรคือสิ่งสำคัญในการนำเอาคุณสมบัติทั้งหมดนี้มารวมไว้ด้วยกันในระบบเดียว

Watanabe: ในระบบนี้ เราพยายามสร้าง “ความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม” พร้อมด้วย AF ความเร็วและความแม่นยำสูง ฟังก์ชั่นลดการสั่นไหวของภาพ และ “ประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอที่เหนือชั้น” ซึ่งสามารถรองรับคุณสมบัติวิดีโอที่สูงกว่าแบบ 4K อย่างที่ได้กำหนดไว้ตามแนวคิดในการพัฒนา เพื่อให้ได้ AF ความเร็วและความแม่นยำสูง เราได้นำเอาเทคโนโลยีควบคุม AF ความเร็วสูง 480 fps มาใช้และผสมผสานคุณสมบัติและเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งระบบเสริมอัลตร้าโซนิกซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับ S Series จึงช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำของโฟกัสอัตโนมัติได้ ประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอถือเป็นความพิเศษข้อหนึ่งของ LUMIX ในอุตสาหกรรมกล้องถ่ายรูป มีการพยายามที่จะเปลี่ยนค่าแสงอย่างราบลื่นระหว่างการถ่ายวิดีโอและลดการเปลี่ยนความยาวโฟกัสของเลนส์มานานแล้ว แต่ LUMIX สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ระหว่างการพัฒนาเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ในระบบ Micro Four Thirds ความเชี่ยวชาญที่เราได้สั่งสมมามากกว่าผู้อื่นคือข้อได้เปรียบของเรา และเลนส์ใน S Series ก็ได้รับประโยชน์ในข้อนี้ไปเต็มๆ

เป้าหมายของเราคือต้องการจำลองโลกในแบบสามมิติขึ้นมาจากภาพที่มีสองมิติ

 

—อะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุดในการออกแบบออพติคอลของเลนส์ LUMIX S Series

Bitou: ดังที่สมาชิกฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ได้กล่าวไปแล้วว่า เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับโบเก้ที่สวยงาม ซึ่งเราถือว่าเป็นสิ่งที่เลนส์ฟูลเฟรมต้องมี และการถ่ายทอดความลึกที่ดีเยี่ยมก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันสำหรับการจำลองโลกสามมิติขึ้นมาจากภาพที่มีสองมิติ แน่นอนว่าฟังก์ชั่นและข้อมูลจำเพาะของเลนส์มีความสำคัญมาก แต่การถ่ายทอดความลึกและเอฟเฟ็กต์โบเก้ก็นับเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความพิเศษให้กับคุณลักษณะของเลนส์เช่นกัน ซึ่งไม่มีบอกไว้ในข้อมูลจำเพาะ

 

- การที่เลนส์รุ่นหนึ่งเป็นเลนส์ฟูลเฟรมไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะสามารถถ่ายทอดความลึกหรือมีเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามใช่ไหม

Tadakazu Bitou  —เทคโนโลยีออพติคอลของเลนส์

Tadakazu Bitou
—เทคโนโลยีออพติคอลของเลนส์

Bitou: ไม่ครับ เลนส์ฟูลเฟรมมีระยะชัดที่ตื้นกว่าเลนส์อย่างเช่น เลนส์ระบบ Micro Four Thirds ดังนั้น หากดูเฉพาะโบเก้ เลนส์ฟูลเฟรมก็ไม่ได้ให้เอฟเฟ็กต์โบเก้ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม เราทราบว่าเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามและการถ่ายทอดความลึกที่ยอดเยี่ยมจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้ออกแบบออพติคอลไม่ได้ตระหนักถึงคุณลักษณะในข้อนี้ของเลนส์ตั้งแต่ในช่วงแรกๆ ของการพัฒนา

—คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนอื่นๆ ที่คุณให้ความสำคัญได้ไหม

Bitou: ในด้านการถ่ายทอดความลึก เราได้ทำการประเมินกับภาพบุคคล เราสร้าง “การถ่ายทอดความลึกที่น่าประทับใจ” ได้โดยการทำให้มีโบเก้ที่สวยงามอย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ด้วยการไล่ระดับความเบลอจากบริเวณรอบดวงตาไปจนถึงส่วนที่ใกล้หูอย่างนุ่มนวลเมื่อจับโฟกัสที่ดวงตาและเปิดรูรับแสงกว้างสุด ด้วยความเชื่อว่าการถ่ายทอดความลึกที่ดูเป็นธรรมชาติเกิดจากความใส่ใจในรายละเอียดหลายๆ ด้าน เราจึงพยายามสร้างการถ่ายทอดที่ละเอียดประณีตซึ่งไม่มีบอกไว้ในข้อมูลจำเพาะโดยไม่ใช้เพียงแค่การเบลอธรรมดาๆ เพียงอย่างเดียวในการสร้าง “โบเก้ที่สวยงามในพื้นหลัง”

—จุดเด่นของโบเก้ที่สวยงามนี้มีอะไรบ้าง

Bitou: สำหรับเอฟเฟ็กต์โบเก้ เราคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพของโบเก้เป็นพิเศษ เช่น กำจัดเส้นวงแหวนในโบเก้ทรงกลมและป้องกันการบิดเบี้ยวของรูปร่างของโบเก้ที่อยู่ตรงขอบภาพ การออกแบบเอฟเฟ็กต์โบเก้ให้ได้อย่างที่เราต้องการต้องใช้ทั้งความสามารถในการออกแบบออพติคอลและเลนส์เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ รวมทั้งเลนส์ Asphericalประสิทธิภาพสูงและเทคโนโลยีการผลิตในแบบฉบับของเรา

 

—ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ใน S Series

Bitou: และเรายังใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอีกหลายอย่างเพื่อให้ได้ AF ความเร็วและความแม่นยำสูงและคุณภาพของภาพในวิดีโอที่โดดเด่น เมื่อสร้างเลนส์ขึ้นมาเพื่อให้มีคุณภาพของภาพที่สูงขึ้น เลนส์โฟกัสจะหนักขึ้นด้วย ดังนั้น ทั้งการออกแบบออพติคอลและกลไกของเลนส์ให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เราได้พัฒนาระบบโฟกัสคู่และระบบเสริมอัลต้ราโซนิกขึ้นมาใหม่เพื่อให้ AF มีความเร็วและความแม่นยำสูง ฟังก์ชั่นลดการเปลี่ยนแปลงความยาวโฟกัสและคุณสมบัติอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับภาพในวิดีโอกำลังกลายเป็นพื้นฐานที่เลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้จำเป็นต้องมี แต่ LUMIX สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้แล้วระหว่างการพัฒนาเลนส์ในระบบ Micro Four Thirds เรามีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าคนอื่นจากการสั่งสมความรู้และความเชี่ยวชาญมาก่อน ซึ่งจะเห็นข้อได้เปรียบนี้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเลนส์ S Series เราอยากให้ลูกค้าได้ลองใช้กล้อง LUMIX S1R หรือ S1 และดูว่าใช้งานเป็นอย่างไร ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องชื่นชอบฟังก์ชั่นและความสามารถในการใช้งานต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น โฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็วและโฟกัสแบบแมนนวลที่ใช้งานได้สะดวก

Watanabe: ในปัจจุบัน กล้องถ่ายรูปจำเป็นต้องมีประสิทธิภาพที่สูงทั้งในการถ่ายภาพและวิดีโอ เราพัฒนาเลนส์ใน S Series ขึ้นมาโดยมองการณ์ไกลล่วงหน้าไปหลายปี ดังนั้น เลนส์เหล่านี้จึงมีศักยภาพในการตอบสนองต่อความต้องการในอนาคต เรามีความเชื่อมั่นว่า S Series จะสามารถสนองความต้องการได้ทั้งสำหรับช่างภาพมืออาชีพ ช่างภาพวิดีโอ และผู้สร้างภาพยนตร์ และช่วยให้พวกเขาได้สำรวจวิธีการถ่ายทอดผลงานในรูปแบบใหม่ๆ