Daimon Xanthopoulos เป็นช่างภาพ ผู้สร้างภาพยนตร์ และแอมบาสเดอร์ของ LUMIX สารคดีการถ่ายภาพและวิดีโอของเขาได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก ส่วนผลงานก็ได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการและเทศกาลทางวัฒนธรรมบ่อยครั้ง และเขายังเป็นวิทยากรที่ใครๆ ต่างก็ต้องการเชิญไปบรรยาย ผลงานของเขามักจะมีลักษณะเด่นอยู่ที่เรื่องราวของผู้คน ซึ่งเขาถ่ายทอดออกมาด้วยวิธีการที่พิเศษและเหนือสิ่งอื่นใดคือ ให้เกียรติคนเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น เขาจัดทำรายงานที่มีชื่อว่า ‘Detroit, stories from a city in free fall’ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งคว้ารางวัลมาได้ เขาเปิดโปงปัญหาแรงงานทาสที่ซ่อนเร้นอยู่ในเอเชียและอเมริกาใต้ผ่านวิดีโอพอร์ตเทรตออนไลน์อันทรงพลัง และถ่ายทอดภาพของสังคมลับในแอฟริกาตะวันตก นอกจากนี้ ยังจัดทำรายงานสำหรับองค์การ UNICEF และองค์กรสงเคราะห์เด็กหลายแห่ง เช่น Terre des Hommes เกี่ยวกับธีมยากๆ เช่น ผลกระทบของภาวะทุพโภชนาการเรื้อรังในประเทศกัวเตมาลา แรงงานเด็กในเหมืองแร่ทองคำประเทศบูร์กินาฟาโซ สงครามและผลที่ตามมาในประเทศซูดาน ไลบีเรีย แองโกลา ยูกันดา และอัฟกานิสถาน
ในเดือนกันยายน ปี 2018 Daimon ได้นำกล้องฟูลเฟรม LUMIX S1 ที่เพิ่งวางจำหน่ายติดตัวไปทำงานที่ฮาวายด้วย ซึ่งเขาได้ค้นพบว่ากล้องทำงานในสภาวะแสงน้อยได้ดีเพียงใด ‘ในฐานะช่างภาพ คุณคงไม่คุ้นกับการรักษารายละเอียดและสีสันมากขนาดนี้เมื่อใช้ค่า ISO ที่สูงมากๆ ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการถ่ายทอดภาพอย่างแน่นอน ตัวอย่างที่ดีก็คือ ภาพที่ผมถ่ายท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเหนือเกาะมาอุย (รัฐฮาวาย) จากความสูง 3,055 เมตร’ ผมใช้เลนส์ L-mount 70 มม. เพื่อจับภาพดวงดาวมากมายในกลุ่มดาวนายพราน รวมถึงดาวบีเทลจุส ซึ่งเป็นดาวยักษ์สีแดงที่อาจกลายเป็นซูเปอร์โนวาได้ทุกเมื่อ และเนบิวลานายพราน (M42) ที่มีโทนสีม่วงอันงดงามด้วย รายละเอียดน่าประทับใจจริงๆ ‘เทคโนโลยีเซ็นเซอร์แบบใหม่ได้ปรับปรุงค่า ISO สูงและประสิทธิภาพ (อัตราส่วนของสัญญาณต่อสัญญาณรบกวน) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยทำให้กล้องดียิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในสภาวะแสงน้อย แต่ดูเหมือนว่าเซ็นเซอร์ของกล้อง LUMIX S1 จะก้าวล้ำไปเกินกว่านั้น ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิตภาพอย่างพวกเรา’
ไม่กี่เดือนต่อมา เมื่อ Daimon ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ซึ่งต้องถ่ายฉากจำนวนมากในช่วงเวลากลางดึก เขาได้เลือกใช้กล้อง LUMIX S1 สำหรับงานนี้ ‘ผมรู้ทันทีว่าผมต้องการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยกล้อง LUMIX S1 เพราะว่ากล้องตัวนี้แสดงให้ผมเห็นแล้วว่ามันทำอะไรได้บ้างในแง่ของคุณภาพเมื่อใช้ค่า ISO สูงมากๆ แน่นอนว่าผมตื่นเต้นเสมอที่ได้เห็นว่าคุณภาพระดับเดียวกันนั้นได้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเด่นชัดในวิดีโอ’ ภาพยนตร์ของ Daimon เป็นเรื่องราวของวิธีการตกปลาแบบดั้งเดิมในสมัยก่อน ซึ่งชาวประมงจะใช้กระแสน้ำเพื่อไล่ปลาให้เข้ามาติดกับดัก หรือฝายดัก สมาชิกของครอบครัว Van Dort เป็นหนึ่งในชาวประมงกลุ่มสุดท้ายในยุโรปที่ใช้ฝายดักปลา การตกปลาโดยใช้ฝายดักเป็นทักษะโบราณ แต่หลังจากคนรุ่นนี้แล้วดูเหมือนว่าชาวประมงที่ใช้ฝายดักปลาจะสูญหายไปจากวัฒนธรรมของยุโรปตลอดกาล ‘พวกเขาล่องเรือสองครั้งทุกๆ 24 ชั่วโมงเมื่อน้ำลง ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ภาพตอนกลางคืนเป็นเรื่องท้าทายเนื่องจากมีแสงน้อยมากประกอบกับสภาพของทะเลด้วย’
Daimon ถ่ายทำโดยถือกล้องด้วยมือเป็นหลัก เนื่องจากขาตั้งกล้องแทบไม่มีประโยชน์บนเรือลำเล็กที่โคลงเคลงไปมา ระบบกันสั่นในตัว (DUAL IS) ของกล้อง LUMIX S1 เหมาะสำหรับการชดเชยราว 6 สต็อปขึ้นไป ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเนื่องจาก Daimon ต้องแก้ไขการเคลื่อนไหวของระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่องขณะถ่ายทำภาพยนตร์ ‘เราเริ่มต้นถ่ายทำประมาณตี 3 ซึ่งแทบจะไม่มีแสงใดในทะเลนอกจากแสงของดวงดาว ดังนั้นเราจึงใช้ค่า ISO ที่สูงมากถึง ISO 30,000 การจับภาพบรรยากาศและสีสันยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่สำคัญมากและประสิทธิภาพของ ISO สูงก็สวยงามและสมบูรณ์แบบ เมื่อดวงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสง ผมสังเกตเห็นช่วงไดนามิกกว้างของเซ็นเซอร์กล้อง LUMIX S1 พร้อมรายละเอียดและการไล่สีอันสวยงามในพื้นที่สว่างและเงา ซึ่งช่วยรักษาสมดุลในการเปลี่ยนเฉดสีในภาพยนตร์จากสีสันนุ่มนวลยามค่ำคืนไปเป็นสีเจิดจ้าในเวลากลางวันได้เป็นอย่างดี’
Daimon คาดหวังกับกล้อง LUMIX S1 ไว้สูง และเขาก็ยังประทับใจกับคุณภาพอันน่าทึ่งของไฟล์วิดีโออีกด้วย ‘ผมตื่นเต้นกับผลลัพธ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ โทนสีของฉากยามราตรีสีน้ำเงินรวมถึงสีสันอันอบอุ่นของฉากยามเช้าที่ตัดกันนั้นดูสวยงาม’ สิ่งที่ Daimon ชอบเป็นพิเศษเกี่ยวกับกล้อง LUMIX ก็คือ เขาสามารถใช้ระบบกล้องเดียวกันสำหรับทั้งการถ่ายภาพยนตร์และการถ่ายภาพ ‘ระบบของ LUMIX แบบใหม่เองก็เช่นกันและยังมอบความยืดหยุ่นในการใช้งานแบบเดียวกัน แต่มีรูปลักษณ์แบบฟูลเฟรมเพิ่มเติม ซึ่งค่อนข้างใหญ่กว่ากล้อง LUMIX GH5 หรือ G9 แต่โครงสร้างของกล้องระดับมืออาชีพที่แข็งแรงนี้ช่วยให้รับมือกับหลากหลายสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย นอกเหนือจากจะเป็นระบบกล้องที่มีสมรรถนะสูงและสารพัดประโยชน์แล้ว ก็ยังเป็นอุปกรณ์คู่ใจที่ทรงพลังอย่างแท้จริงสำหรับมืออาชีพ’
Daimon Xanthopoulos
นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา Daimon Xanthopoulos มุ่งมั่นบันทึกภาพเรื่องราวที่เขาเชื่อว่าควรได้รับการบอกเล่า การถ่ายภาพเป็นวิธีการสื่อสารของเขาเพราะไม่ถูกจำกัดด้วยภาษา และยังช่วยให้เขาสามารถมุ่งไปที่ประเด็นทางสังคม ความไม่ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน รวมทั้งชะตากรรมของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง แม้ว่าภาพถ่ายอาจเป็นหลักฐานที่สร้างความไม่สบายใจ ซึ่งบ่อยครั้งก่อให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถแสดงความงดงามในเชิงศิลป์ “ในงานของผม” เขาอธิบาย “ผมพยายามผสมผสานองค์ประกอบของอารมณ์และความสวยงามเหล่านี้ทุกครั้งและเชื่อมโยงผู้คนกับธีมที่ผมวางไว้” ไม่กี่ปีที่ผ่านมา Daimon ให้ความสนใจกับการถ่ายภาพสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากนิทานปรัมปราและความเชื่อโบราณ เขาได้ใช้กล้องจับภาพโลกแห่งเวทมนตร์และความมหัศจรรย์นี้ไว้ในภาพถ่าย
เข้าดูโปรไฟล์แอมบาสเดอร์ของ Daimon Xanthopoulos
