แกลเลอรี LUMIX G9II และความประทับใจของนักสร้างสรรค์
Ben Staley ใช้กล้อง G9II ถ่ายภาพทิวทัศน์และสัตว์ป่าบนเกาะพรินซ์ออฟเวลส์ในอลาสก้า
Ben Staley เกิดและเติบโตในถิ่นทุรกันดารของอลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ชีวิตวัยเด็กจึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และโทรทัศน์ โลกแห่งหนังสือจึงเปรียบเสมือนสิ่งที่ช่วยประโลมจิตใจ และทำให้จินตนาการของเขาได้โลดแล่นอย่างอิสระ เมื่ออายุมากขึ้นและได้รู้จักภาพยนตร์ เขาก็เริ่มหลงใหลในศาสตร์แห่งการสร้างภาพยนตร์ กล้องจึงกลายเป็นสมบัติที่เขาหวงแหนมากที่สุด และเป็นสิ่งที่จุดประกายความหลงใหลในการเล่าเรื่องราวด้วยภาพอีกด้วย
ปัจจุบัน Staley อาศัยความมีใจรักในการเล่าเรื่องมาใช้ในงานกำกับการแสดง ถ่ายภาพยนตร์ และถ่ายภาพ ผลงานของเขาครอบคลุมโปรเจกต์หลากหลายประเภท ตั้งแต่ภาพยนตร์นอกกระแส มิวสิกวิดีโอ โฆษณา ไปจนถึงสารคดี เขาได้ร่วมมือและสร้างโปรเจกต์ผลงานร่วมกับเครือข่ายและแบรนด์ต่างๆ ได้แก่ Netflix, Discovery Channel, Nat Geo, History Channel, A&E, Spike และ Red Bull เป็นต้น
เมื่อเร็วๆ นี้ Staley ได้ทำโปรเจกต์ถ่ายภาพสัตว์ป่าและทิวทัศน์บนเกาะพรินซ์ออฟเวลส์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอลาสก้า ด้วยกล้อง LUMIX G9II รุ่นใหม่ที่มีเซ็นเซอร์ MFT 25 ล้านพิกเซลและระบบประมวลผลรุ่นใหม่ ซึ่งช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังมีความสามารถในการจดจำแบบที่ยอดเยี่ยม และประสิทธิภาพความเร็วที่ดียิ่งขึ้น Staley กล่าวว่า เกาะพรินซ์ออฟเวลส์มีสภาพแวดล้อมที่รกร้างห่างไกลที่สุด “ใบไม้และผืนป่าหนาทึบมาก ทำให้เดินทางได้ยาก” แต่ก็เป็นเกาะที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เขาอธิบายว่า “ผมมีกล้อง LUMIX G9II ขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูงตัวนี้ ช่วยให้ผมสามารถถ่ายภาพที่น่าจะถ่ายได้ยากมาก ถ้าใช้กล้องที่มีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่านี้”
เกาะพรินซ์ออฟเวลส์เป็นสถานที่ที่ Staley ให้ความสนใจมานาน และเขารู้ดีว่าเกาะนี้จะเหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั้งสัตว์ป่าและทิวทัศน์ด้วยกล้อง G9II “ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเกาะนี้มาหลายสิบปีแล้ว ว่าเป็นเกาะที่ไปยาก มีลักษณะเด่นๆ มากมาย และเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด” Staley กล่าว “ผมรู้ว่าตัวเองจะต้องการความช่วยเหลือสักหน่อยในสถานที่ที่ห่างไกลและท้าทายแบบนี้ เลยติดต่อหาเพื่อนชื่อ Charlie Ess ซึ่งเป็นนักข่าวและผู้สร้างภาพยนตร์มือสมัครเล่นที่อาศัยอยู่ในอลาสก้า เขาเคยเดินทางไปเกาะนี้มาแล้วหกเจ็ดครั้งและรู้จักเกาะนี้ดี”
Staley ขอให้ Ess ช่วยบอกชื่อสถานที่สำคัญๆ ที่ควรถ่ายภาพ รวมทั้งขอให้ช่วยหาที่พักและพาหนะบนเกาะด้วย เนื่องจากด้านในของเกาะมีป่ารกทึบและบางครั้งก็ผ่านเข้าไปไม่ได้ ส่วนชายฝั่งที่ดูสวยงามก็เข้าไปถึงยากไม่แพ้กันเพราะไม่มีทางเดินหรือถนน ทั้งสองจึงเช่าเรือ “เรื่องเจ๋งๆ เกี่ยวกับกล้องในระบบ LUMIX MFT คือขนาดและน้ำหนักของมัน” Staley เผย “ตอนนั้นผมสามารถพกกล้องหลายตัวที่มีทางยาวโฟกัสต่างกันตั้งแต่ 9 มม. ไปจนถึง 400 มม. และแบตเตอรี่พอสำหรับหลายวัน โดยใช้กระเป๋าเป้ขนาดกลางแค่ใบเดียว” ผมต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสิ่งที่เราอาจจะได้พบเจอในทุกๆ วัน ผมไม่อยากพลาดโอกาสในการถ่ายภาพ”
G9II เป็นกล้องแบบ Micro Four Thirds รุ่นแรกของ LUMIX ที่ใช้ระบบ Phase Detection AF แบบปรับปรุงใหม่ โดยใช้สมรรถนะ AI ขั้นสูงสำหรับการแยกตัวแบบให้เด่นออกมาจากพื้นหลังยิ่งขึ้น รวมถึงดวงตาของสัตว์ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ AI รุ่นใหม่นี้ช่วยให้ Staley สามารถถ่ายภาพสัตว์ต่างๆ ท่ามกลางสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนักโดยจำกัดเป้าหมายการจดจำให้แคบลง “ผมถ่ายภาพนกอินทรีตัวหนึ่งที่อยู่สูงขึ้นไปบนต้นไม้” Staley อธิบาย “แล้วมันก็บินกลับขึ้นไปอยู่ใต้ร่มไม้” ระบบโฟกัสอัตโนมัติส่วนใหญ่จะจับภาพทุกสิ่งในโฟร์กราวด์ ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ ใบไม้ และสิ่งอื่นๆ แต่ G9II จับภาพเพียงนกอินทรีตัวนี้ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในเงาร่มไม้ อีกทั้งล็อกโฟกัสไว้ที่ดวงตาของมัน ทำให้ผมถ่ายภาพออกมาได้อย่างคมชัด”
Staley ใช้เลนส์หลายตัวสำหรับโปรเจกต์ของเขา เช่น 12-60mm F2.8 4.0 ASPH LEICA DG VARIO-ELMARIT, LUMIX G NS043 42.5mm F1.2 ASPH LEICA DG NOCTICRON และ H-X09 9mm F1.7 ASPH LEICA DG SUMMILUX เลนส์คู่ใจของเขาคือ LEICA DG VARIO ELMAR 100-400mm/F4.0-6.3 II ASPH รุ่นใหม่ ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพสัตว์ป่า “เลนส์รุ่นนั้นยอดเยี่ยมมาก” เขากล่าว “เป็นเลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว และผมก็สามารถถ่ายภาพที่ความยาวโฟกัส 800 มม. (เทียบเท่า 35 มม.) ได้โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เมื่อใช้เลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวและระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวของ G9 II ผมจึงสามารถถ่ายภาพด้วยเลนส์ยาวๆ และได้ภาพที่นิ่งมากแม้จะใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ผมเคยถ่ายภาพลำธารและสายน้ำไหลโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำมาก และได้ผลลัพธ์ที่คมชัดน่าประทับใจ”
คุณสมบัติหนึ่งที่ Staley ชื่นชอบคือภาพถ่ายที่ได้จาก G9II ในโหมดความละเอียดสูงเมื่อไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เมื่อใช้ B.I.S. (ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้อง) โหมดความละเอียดสูงเมื่อไม่ใช้ขาตั้งกล้องจะถ่ายภาพติดต่อกัน 8 ภาพด้วยการขยับเซ็นเซอร์ จากนั้นจึงรวมภาพนั้นๆ เป็นไฟล์ภาพขนาดใหญ่หนึ่งไฟล์ “ผมถ่ายภาพ 100 ล้านพิกเซลที่มีรายละเอียดสูงมากโดยไม่ใช้ขาตั้ง ดังนั้น เมื่อใช้เลนส์ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวและระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว G9II คุณจึงสามารถถ่ายภาพด้วยเลนส์ยาวๆ พร้อมทั้งยังคงจับภาพนิ่งได้นิ่งมาก”
เช่นเดียวกับ S5II และ S5IIX กล้อง G9II รวมเอาฟังก์ชัน LUT แบบเรียลไทม์มาใช้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้ LUT (ตารางค้นหา) กับฟุตเทจในกล้องของคุณได้ แทนที่จะอัปโหลด LUT ของตัวเอง Staley สามารถใช้ประโยชน์จากสไตล์ภาพถ่าย LEICA Monochrome แบบใหม่ได้ดียิ่งขึ้น LEICA Monochrome ซึ่งถูกกำหนดภายใต้ L² Technology ร่วมกับ LEICA มีความเปรียบต่างสีขาวดำสูง และมีไฮไลต์ที่สว่างกว่าสไตล์ภาพถ่าย L. Monochrome D “ผมคิดว่าตัวเองค่อนข้างติดใจ LEICA Monochrome โดยเฉพาะความเปรียบต่างและโทนสี” Staley อธิบาย “คุณสมบัตินี้ทำให้ผมมองช่องมองภาพได้อย่างสบายตาและผมถ่ายภาพในโหมด RAW แต่ผมก็ถ่ายภาพ JPEG ด้วยและภาพที่ได้ก็ดูน่าทึ่ง โดยปกติแล้ว ผมอยากจะเอาไฟล์ภาพ RAW มาปรับแต่งด้วยตัวเองตลอด แต่ผมก็รู้สึกพอใจมากกับโปรไฟล์สีของ LEICA Monochrome ภาพ JPEG ที่กล้องรุ่นนี้ผลิตออกมาอาจจะเปลี่ยนการทำงานของผมไปเลย ผมชอบมากๆ”
Staley เชื่อว่า G9II จะเป็นกล้องที่โดดเด่นสำหรับการถ่ายภาพหลากหลายแนว เขากล่าวว่า“กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่มีสเปคสูง และมีขนาดกล้องและเลนส์ที่กะทัดรัด ซึ่งจะทำให้กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับช่างภาพงานแต่งและสายผจญภัย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการถ่ายภาพกีฬา และแน่นอนว่าสำหรับการถ่ายภาพสัตว์ป่าด้วยโฟกัสอัตโนมัติที่ตรวจจับสัตว์แบบใหม่” เขาอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “จากการที่ผมไปมาแล้วทั้งป่าแอมะซอนในเปรูและอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ผมเชื่อว่า G9II เป็นกล้องถ่ายภาพสัตว์ป่าที่เหมาะมากสำหรับสถานที่ที่มีความท้าทาย ซึ่งน้ำหนักทุกๆขีดมีความสำคัญและคุณต้องใช้ความสามารถของกล้องรุ่นนี้ให้เต็มที่”
Ben Staley
เกิดและเติบโตในอะแลสกาโดยไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปาใช้ ชีวิตวัยเด็กของ Ben Staley ห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เขาพบสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจในหนังสือ และเกิดความหลงใหลในภาพยนตร์ แม้จะแทบไม่ค่อยได้ไปโรงภาพยนตร์ก็ตาม
ปัจจุบัน Staley เป็นผู้กำกับ นักถ่ายทำภาพยนตร์ และช่างภาพที่ทุ่มเทให้กับการเล่าเรื่องราว ผลงานของเขามีทั้งภาพยนตร์นอกกระแส มิวสิกวิดีโอ โฆษณา สารคดี และรายการทีวีสำหรับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix, Discovery Channel และ National Geographic จากจุดกำเนิดในอลาสก้าสู่การจับใจผู้ชมทั่วโลก เส้นทางของ Ben Staley ผสมผสานรากเหง้าบ้านเกิดเข้ากับความสำเร็จในชีวิตการทำงาน โดยเน้นถึงพลังของการเล่าเรื่องราวในสื่อหลายรูปแบบ