Lumix Leica DG Lens

Lumix Leica DG คือ

Lumix Leica DG คือ

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า Lumix และ Leica เป็นบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ ตามที่แต่ละบริษัทถนัด ขึ้นชื่อว่า Leica บริษัทกล้องเก่าแก่ชื่อนี้ คุณภาพของเลนส์นั้นโดดเด่นทั้งความคมยันขอบ มิติภาพที่โดดเด้ง เป็นธรรมชาติ Lumix และ Leica จึงได้ร่วมกันออกแบบคัดสรรชิ้นเลนส์ซีรีย์นี้ขึ้นมา โดยมุ่งเป้าหมายไปที่ คุณภาพสูงสุดในทุกๆมิติสำหรับเหล่าผู้ใช้งาน

Lumix Leica DG Lens
Lumix Leica DG Lens

Code Name ที่ควรรู้จัก

• ELMAR (f/2.8-f/4)

• ELMARIT (f/2.8)

• SUMMICRON
(f/2)

SUMMILUX

(f/1.4) 

 NOCTILUX

(f/1)

เนื่องจาก เลนส์ซีรีย์นี้ เป็นซีรีย์ที่มีการผลิตร่วมกับ Leica จึงมีการใช้ชื่อเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของ Leica มาใช้ ฟังดูอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไร แต่บอกเลยว่าแต่ละชื่อเท่สุดๆ ไปเลย โดยชื่อต่างๆ จะบ่งบอกถึง ความกว้างของรูรับแสงของเลนส์นั้นๆ รวมถึงคุณภาพของเลนส์อีกด้วย เช่น

• Elmar เริ่มต้นมาจากคำว่า elmax เป็นชื่อเรียกเลนส์ยุคแรกๆ ของ Leica มาจากการรวมกันของ (E)rnst, (L)ieca และ designer ของเลนส์รุ่นนี้คือ  (Max) Berek

• Elmarit มาจากการ design ของเลนส์ตัวเก่า Elmar ซึ่งจะมีแค่ F4 แต่ Elmarit จะเป็น 2.8 ดังนั้น Elmarit จึงมากจาก Elmar ที่ดีขึ้น

• Summicron มาจากการการรวมกันของคำว่า Summer ในภาษาละตินแปลว่า “สุดยอด” + Cron ที่มาจาก Croma ซึ่งแปลว่าสี

• Summilux มาจากการการรวมกันของคำว่า Summer แปลว่า “สุดยอด” + คำว่า Lux ที่แปลว่า”แสง” จึงหมายถึง เลนส์ที่มีเอฟกว้างมากๆ นั่นเอง

• Noctilux มาจากคำว่า Nocturnal ส่วน Lux แปลว่าแสง ซึ่งหมายถึงเลนส์ที่รูรับแสงกว้างๆ เหมาะสำหรับที่มืด

การเลือกใช้เลนส์

การเลือกใช้เลนส์

การที่มีเลนส์ให้เลือกเยอะขนาดนี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่หนักหนาพอๆกับการไม่มีเลนส์ใช้ เช่น บางคนอาจจะเคยมีปัญหาว่าจะเลือกเลนส์ตัวไหนมาใช้เวลาไหนดี ผมเลยอยากแนะนำวีธีง่ายๆ ในการเลือกประมาณนี้ครับ

1. เลือกจากช่วงเลนส์ อย่างแรกที่ต้องคำนึงถึง คือ เราต้องการภาพมุมกว้าง หรือมุมแคบ หรือว่าสิ่งที่เราต้องการจะถ่ายคืออะไร เช่น ถ้าเราอยู่ในห้องแคบก็ควรจะเลือกใช้เลนส์มุมกว้าง

2. เลือกจากรูรับแสง เมื่อเราได้ช่วงเลนส์ที่เราต้องการแล้ว ต่อไปก็เลือกเลือกรูรับแสงว่าอยากได้รูรับแสงกว้างขนาดไหน ถ้าอยากได้รูรับแสงกว้างมากๆ ควรเลือกเป็นเลนส์ฟิก แต่ถ้าอยากได้ความสะดวกรวดเร็วด้วยควรจะเลือกเป็นเลนส์ซูม

3. เลือกจากระดับหรือซีรีย์ของเลนส์ เมื่อเราได้ช่วงเลนส์และความกว้างของรูรับแสงที่ต้องการแล้ว สิ่งสุดท้ายที่จะดูคือระดับของเลนส์ว่าต้องเป็นเลนส์ในระดับที่ดีที่สุดหรือไม่ โดยส่วนมากซีรีย์ยิ่งสูงนอกจากให้คุณภาพภาพและการใช้งานที่ดีในทุกๆสถานการณ์แล้ว คุณภาพวัสดุ การผลิต ก็ดีตามด้วย

8-18 mm F2.8-4.0 ELMARIT

H-E08018E

H-E08018E

เลนส์มุมกว้าง ที่ดีที่สุดของ Lumix M4/3

ปัญหาที่พบบ่อยๆ ของเลนส์ที่มุมกว้างมากๆ คือความบิดเบี้ยว เมื่อถ่ายภาพโดยที่ระดับกล้องไม่ขนานกับระนาบของสิ่งที่ถ่าย หรือเกิดภาพที่ป่องกลางภาพ ขอบเบลอ เบี้ยวไม่สวยงาม  แต่!!! สำหรับเลนส์ตัวนี้มีให้เห็นน้อย เพราะคุณภาพและเทคนิคจากการออกแบบทำให้ข้อเสียต่างๆ ที่ว่ามานั้นแทบจะไม่ปรากฎให้เห็นเลย

 

8-18 mm F2.8-4.0 ELMARIT

10-25 mm F1.7 SUMMILUX

H-X1025GC

H-X1025GC

มัดรวมเลนส์ฟิกไว้ในตัวเดียว

10-25 mm F1.7 SUMMILUX เป็นเลนส์อีกตัวที่ผมชอบมาก เหมือนการรวมเลนส์ฟิกช่วง Normal อย่าง 12mm 15mm และ 25mm เข้าไว้ด้วย เพราะงั้นมีเลนส์ตัวนี้ตัวเดียว ตัวอื่นวางไว้ที่บ้านได้เลย ซึ่งคุณภาพของภาพก็ดีไม่ต่างจากการใช้เลนส์ฟิก มีข้อเสียแค่ตรงที่น้ำหนักและขนาดที่เพิ่มขึ้น ถ้าประกอบกับกล้องเล็กๆ หน่อย อาจจะทำให้รู้สึกไม่บาลานซ์เท่าไร แต่ถ้าได้บอดี้ที่เหมาะมือรับรองว่าจะเป็นเลนส์ที่คุณวางไม่ลงแน่นอน

10-25 mm F1.7 SUMMILUX

12-60 mm F2.8-4.0 ELMARIT

H-ES12060E

H-ES12060E

เลนส์ตัวเดียวเที่ยวทั่วโลก

เท่าที่ผมเคยสัมผัสมา เลนส์ Normal Super Zoom ตัวนี้ เป็นเลนส์ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวที่สุดของ Lumix เนื่องจากระยะของเลนส์ที่ครอบคลุมการใช้งานในทุกๆ รูปแบบ น้ำหนักกำลังดี และ f-stop ที่กว้างถึง 2.8 ในช่วง 12mm ทำให้ใช้งานได้ดีแม้ในที่แสงน้อย ซึ่งถ้าใครถามว่าให้เลือกเลนส์ได้ตัวเดียวในทริปนึง ผมจะเลือกตัวนี้แน่นอน

12-60 mm F2.8-4.0 ELMARIT

12 mm F1.4 SUMMILUX

H-X012E

H-X012E

ทั้งกว้างและสว่าง

เลนส์มุมกว้าง และสว่างขนาดนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เป็นหนึ่งในเลนส์ที่มีความสมบูรณ์แบบมากๆ ตัวนึง ทั้งในด้านของคุณภาพ การออกแบบน้ำหนัก และการใช้งาน ให้มิติภาพที่ดี ภาพใสกิ๊ง และมั่นใจเลยว่าทำงานได้ดีมากๆ ในที่แสงน้อยอีก ซึ่งถ้าได้มีโอกาสได้เอาไปถ่ายดาว เลนส์ตัวนี้จะเป็นเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดของ Lumix

12 mm F1.4 SUMMILUX

15mm F1.7 SUMMILUX

H-X015E

H-X015E

King of street

เลนส์ที่ใครๆ ก็ให้ฉายาว่าเป็น “King of street” ก็เพราะว่านอกจากเล็กเบา กะทัดรัดไม่เป็นจุดสนใจเวลาหยิบขึ้นมาถ่ายเท่าไรแล้ว ความรวดเร็วในการโฟกัส ช่วงระยะที่เหมาะสมในการเข้าใกล้แบบ และคุณภาพที่เกินขนาดไปมาก จึงเป็นเลนส์ที่ชาวสตรีทส่วนใหญ่เลือกใช้ นอกจากนี้ การออกแบบของเลนส์ตัวนี้ผมว่าหล่อมากใส่กับกล้องตัวไหนก็ดูดี

15mm F1.7 SUMMILUX

25mm F1.4 SUMMILUX

H-X025E

H-X025E

คิดไม่ออกบอก 25mm

เลนส์ระยะ 25 mm ตัวนี้เมื่อเราใส่กับ 4/3 แล้วเท่ากับระยะ (25x2=50) 50 mm บนฟิลม์ 35mm คือระยะที่ใกล้เคียงกับสายตาของเรามากที่สุด จะถ่ายกว้างก็พอได้ แคบก็พอดี แถมมีระยะละลายหลังที่สวยงาม ให้สัดส่วนที่ไม่ผิดเพี้ยน จึงเป็นเลนส์ที่ผมมักแนะนำให้ทุกคนควรมี ไม่ว่าจะเอาไปถ่ายภาพ Landscape, Portrait หรือว่า Lifestyle ก็ดีงาม

25mm F1.4 SUMMILUX

42.5mm F1.2 NOCTICRON

H-NS043E

H-NS043E

นี่แหละคือความ NOC

เลนส์ NOC คือชื่อสั้นๆที่ผมมักใช้เรียกชื่อเลนส์ตัวนี้ เมื่อได้ยินคำนี้เรามักจะนึกถึงความสว่างสุดๆ ละลายสุดๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนถ่ายภาพทุกๆ คนต้องการ แต่ข้อเสียของเลนส์ที่รูรับแสงกว้างขนาดนี้คือ ความคมชัดที่เอฟที่กว้างที่สุดไม่ค่อยดี แต่ข้อเสียที่เกิดขึ้นกับเลนส์ตัวอื่นจะไม่เกิดกับเลนส์ตัวนี้แน่นอน เพราะ NOC ตัวนี้คมจัด ละลายหลังสวยงาม ย้อนแสงให้แฟลร์ที่สวยกำลังดี และแยกมิติให้โดดเด้งกว่าเลนส์ตัวอื่นๆ

42.5mm F1.2 NOCTICRON

45mm F2.8 ELMAR

H-ES045E

H-ES045E

จิ๋วแค่ไหนก็เห็น

เลนส์มาโคร คือเลนส์ที่สามารถโฟกัสได้ใกล้มากๆ แม้จะถ่ายของเล็กจิ๋วแค่ไหนก็ยังมองเห็น ที่ระยะ 45mm ของเลนส์มาโครตัวนี้ไม่ใกล้จนเกินไป เวลาเรานำไปถ่ายแมลงหรือสัตว์เล็กๆ ก็จะไม่ทำให้เค้าตกใจตื่นกลัวเรา ส่วนใหญ่ข้อด้อยของเลนส์มาโครจะเป็นเรื่องการโฟกัส เพราะการพลาดเพียง 1 มิลลิเมตรก็ทำให้หลุดโฟกัสได้เลย แต่เลนส์ตัวนี้ทำได้ดีมากๆ ยิ่งประกอบกับการโฟกัสแบบทัชสกรีนของกล้อง Lumix ทำให้โฟกัสวัตถุได้ง่ายมาก ส่วนเรื่องความคมนั้น ด้วยความที่เป็นเลนส์มาโครจึงได้ภาพคมจัดชัดจริงแน่นอน

45mm F2.8 ELMAR

100-400mm F4.0-6.3 ELMAR

H-RS100400E

H-RS100400E

เปิดโลกอีกใบ

ผมใช้คำว่าเปิดโลกอีกใบสำหรับเลนส์ตัวนี้ เพราะว่าเวลาจะหยิบมาใช้แต่ละที ทั้งวิธีคิด วิธีมองต้องต่างออกไป ต้องเลือกมองเพียงจุดที่น่าสนใจเล็กๆ ไกลๆ แล้วใส่กรอบเข้าไป เนื่องจากเป็นเลนส์ซูมที่มีทางยาวโฟกัสไกลมาก แทบจะเรียกได้ว่าถ่ายได้ทุกอย่างที่สายตามองเห็นเลย หรือบางทีซูมเข้าไปก็มองเห็นสิ่งที่ตามองไม่เห็น แต่สิ่งที่ควรระวังเวลาใช้เลนส์ประเภทนี้คือ Speed Shutter ต้องสูงตามไปด้วย เพราะอาจทำให้เกิดการสั่นไหวได้ง่าย แต่ด้วยระบบกันสั่น Dual I.S. ที่ทำงานร่วมกับกล้อง Lumix ได้ดีมากๆ  ทำให้การถือถ่ายด้วยมือเปล่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับเลนส์ตัวนี้เลย ประกอบกับระบบโฟกัสที่ทำได้ดีไม่มีที่ติ กดปุ๊ปติดปั๊ปเหมือนกับเลนส์ทุกตัวของ Lumix ในซีรีย์นี้เลย

100-400mm F4.0-6.3 ELMAR
Lumix GX9

Lumix GX9

แถมท้ายด้วยกล้อง Lumix GX9 ที่ผมใช้เป็นกล้องสำหรับทดสอบเลนส์ทุกตัวในรีวิวนี้

Lumix GX9 เป็นกล้องขนาดเล็กที่คุณภาพไม่ได้เล็กตาม ถ้าติดกับเลนส์ตัวเล็กๆ อย่าง 15 f1.7 SUMMILUX ก็สามารถใส่พกกระเป๋าเสื้อ Jacket ได้สบายเหมาะกับการนำไปท่องเที่ยวเป็นที่สุด จุดเด่นของกล้องตัวนี้คือ Tilting electronic viewfinder ทำให้สามารถสร้างมุมมองภาพใหม่ๆ ได้ง่ายและสนุกมากขึ้น ประกอบการที่มีระบบกันสั่นบนบอดี้ 5 แกน ซึ่งทำงานร่วมกับระบบกันสั่นบนเลนส์ได้ด้วย ยิ่งทำให้เป็นข้อได้เปรียบมาก เวลาใช้งานในที่แสงน้อย ส่วนเซนเซอร์เป็นแบบ 20.3 Mpx แบบไม่มี LPF (Low pass filter) ทำให้เกิดความคมชัดสูงสุด อีกเรื่องที่สำคัญคือ Dynamic range กล้องตัวนี้ถ่ายทอดแสงทั้งส่วนสว่างและช่วงมืดได้ดีมากตามไสตล์ของ Lumix ให้ภาพที่ได้รายละเอียดและสีสันได้สมจริง    

***ภาพทุกภาพในเซทนี้ทั้งหมดถ่ายด้วย LumixGX9***

โดยรวมแล้ว หลังจากที่ผมได้ทดสอบเลนส์ Lumix Leica DC ซีรีส์ นี้ ก็นับว่าประทับใจทุกตัว

· ราคาสูงหน่อยแต่คุ้มแน่นอน

· เป็นเลนส์ Built quality คุณภาพงานประกอบแข็งแรงแน่นหนา มีระบบกันน้ำกันฝุ่นใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศแน่นอน

· คุณภาพของภาพที่ได้ การรันตีด้วย Leica

· หล่อแน่นอน

ศุภการ ศุภมงคล (Mixrinho)

ช่างภาพอิสระ เชี่ยวชาญในการถ่ายรูปอาหาร และสินค้า มีความหลงใหลส่วนตัวในการเดินทาง กาแฟ กางเกงยีนส์ และความวินเทจ จึงมีผลงานภาพถ่ายที่หลากหลายแนว นอกจากนั้นยังถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่บอกเล่าการเดินทางร่วมกับแฟนสาว ในเพจ Faloo Mi

เริ่มใช้กล้อง Lumix จากรุ่น GX8 จนปัจจุบัน Lumix S1R คือกล้องคู่กาย

ติดตามชมผลงานเพิ่มเติม IG : Mixrinho / FB : Faloo Mi  / www.Mixrinho.com